การเคลื่อนย้ายสินค้าหรือวัสดุหนักในโรงงานอุตสาหกรรมจำเป็นต้องใช้ระบบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ “เครนโรงงาน” จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในกระบวนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นงานประกอบ งานก่อสร้าง หรือการยกวัตถุขนาดใหญ่ เครนสามารถยกขึ้น–ลงในแนวดิ่ง และเคลื่อนย้ายแนวราบได้อย่างอิสระ ทำให้รองรับงานยกได้หลากหลายรูปแบบ
การออกแบบ เครนโรงงานอุตสาหกรรม จะเน้นโครงสร้างคานหลักที่แข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี และใช้งานได้ต่อเนื่อง เหมาะสำหรับโรงงานผลิต คลังสินค้า หรือพื้นที่ที่ต้องการระบบยกที่มีเสถียรภาพสูงและควบคุมทิศทางได้แม่นยำ
ประเภทของเครนโรงงาน และการใช้งาน
1. Monorail (เครนโมโนเรล)
เครนโมโนเรลรองรับการเคลื่อนที่ 4 ทิศทาง ได้แก่ ขึ้น–ลง และซ้าย–ขวา รางติดตั้งแบบ Fix เข้ากับรอก (Hoist) สามารถออกแบบให้เคลื่อนที่บนรางตรงหรือรางโค้งได้ เหมาะสำหรับงานผลิตเฉพาะจุด เช่น โรงงานขนาดเล็ก หรือพื้นที่ที่ต้องการความแม่นยำสูงในการเคลื่อนสินค้า
2. JIB Crane (เครนแขนหมุน)
เครนแขนหมุนสามารถหมุนได้ 180–360 องศา เหมาะกับพื้นที่จำกัด เช่น จุดโหลดสินค้า หรือบริเวณสายการผลิต สามารถเลือกได้ทั้งแบบตั้งพื้นและแบบติดผนัง ใช้งานร่วมกับรอกโซ่ไฟฟ้าได้ทุกชนิด เหมาะสำหรับ เครนโรงงานขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่ต้องการความสะดวกคล่องตัว
3. Overhead Crane (เครนเหนือศีรษะ)
เป็นประเภทที่พบมากที่สุดในโรงงานอุตสาหกรรม สามารถเคลื่อนที่ได้ 6 ทิศทาง คือ ขึ้น–ลง ซ้าย–ขวา และหน้า–หลัง แบ่งเป็น 2 แบบ
- แบบคานคู่ (Double Girder)
เหมาะสำหรับงานยกหนักมากกว่า 5–50 ตัน ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องการความมั่นคงสูง โครงสร้างโรงงานควรมีความกว้างตั้งแต่ 10–30 เมตร เพื่อรองรับการติดตั้งแบบคานคู่ ซึ่งให้ความปลอดภัยและความสามารถในการยกที่เหนือกว่าแบบคานเดี่ยว
- แบบคานเดี่ยว (Single Girder)
เป็น เครนไฟฟ้าโรงงาน ที่นิยมที่สุด เหมาะกับโรงงานที่มีความกว้างไม่เกิน 22 เมตร และโครงสร้างอาคารโล่ง ไม่มีเสาเกะกะ รองรับน้ำหนัก 1–12.5 ตัน เหมาะสำหรับงานยกทั่วไปที่ต้องการความคล่องตัวและประหยัดพื้นที่
4. Gantry Crane (เครนขา)
เหมาะสำหรับงานกลางแจ้ง เช่น ลานเก็บสินค้า ลานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่ไม่มีโครงสร้างอาคารรองรับเครนเหนือศีรษะ เครนขาวิ่งบนรางพื้น มีทั้งแบบคานเดี่ยวและคานคู่ เหมาะกับงานหนัก เช่น งานท่าเรือ งานก่อสร้าง หรือจุดที่ต้องเคลื่อนย้ายวัตถุขนาดใหญ่ภายนอกอาคาร
การเลือกเครนโรงงานที่เหมาะสม
การเลือกใช้เครนขึ้นอยู่กับประเภทงาน น้ำหนักยก พื้นที่ติดตั้ง และความสามารถในการเคลื่อนย้าย เครนแต่ละชนิดมีจุดเด่นเฉพาะ เช่น
- เครนแขนหมุน ใช้ในจุดโหลดสินค้าจำกัดพื้นที่
- เครนเหนือศีรษะ ใช้ในโรงงานผลิตขนาดใหญ่ ต้องการยกของหนัก
- เครนขา (Gantry Crane) เหมาะกับงานกลางแจ้ง หรือพื้นที่ไม่มีอาคารรองรับ
- โมโนเรล เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายสินค้าในเส้นทางคงที่
ระบบ เครนโรงงานอุตสาหกรรม ที่เลือกใช้ต้องตอบโจทย์ทั้งด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว
เครนมีกี่ประเภท ใช้งานกับอะไรได้บ้าง?
ในการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือวัสดุที่มีน้ำหนักมากในโรงงานอุตสาหกรรม “เครนโรงงาน” ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานประกอบ หรือการยกวัตถุขนาดใหญ่ เครนเป็นเครื่องจักรที่ช่วยยกสินค้าขึ้นลงในแนวดิ่ง และเคลื่อนย้ายในแนวราบได้ตามทิศทางที่ต้องการ
โดยการออกแบบ เครนโรงงานอุตสาหกรรม นั้นจะมีคานหลักเป็นตัวรับน้ำหนัก ซึ่งถูกออกแบบให้แข็งแรง ปลอดภัย และรองรับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง เหมาะกับโรงงานผลิต หรือพื้นที่ขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบยกที่มีเสถียรภาพสูง
1.Monorail (โมโนเรล)
ใช้สำหรับเคลื่อนย้ายสินค้าที่ต้องการเคลื่อนที่ 4 ทิศทาง คือ ขึ้น–ลง ซ้าย–ขวา ตัวราง Fix อยู่กับรอก (Hoist) ออกแบบให้เคลื่อนที่ไปตามรางตรงหรือรางโค้ง เหมาะสำหรับงานผลิตที่ต้องการใช้เครนเฉพาะจุด เช่น โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก หรือพื้นที่ที่ต้องการการเคลื่อนย้ายอย่างแม่นยำ
Monorail (โมโนเรล)
เครนแขนหมุนสามารถหมุนได้รอบรัศมี 180–360 องศา เหมาะกับพื้นที่จำกัด เช่น บริเวณสายการผลิต หรือจุดโหลดของหนักภายในโรงงาน โดยมีให้เลือกทั้งแบบตั้งพื้นและแบบติดผนัง แขนของเครนหมุนได้อิสระ ใช้งานร่วมกับรอกโซ่ไฟฟ้าคุณภาพสูงได้ทุกชนิด เหมาะสำหรับ เครนโรงงานขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
เป็นเครนที่ใช้กันแพร่หลายในโรงงานอุตสาหกรรม สามารถเคลื่อนที่ได้ 6 ทิศทาง ได้แก่ ขึ้น–ลง ซ้าย–ขวา และหน้า–หลัง แบ่งออกเป็นแบบคานเดี่ยว (Single Girder) และคานคู่ (Double Girder) โดยทั่วไปจะใช้ในโรงงานขนาดใหญ่ที่ต้องยกน้ำหนักมาก เช่น 5–50 ตัน ซึ่งมักถูกเรียกว่า “เครนโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่”
– แบบคานคู่ (Double Girder) เหมาะกับโรงงานที่ต้องยกของหนักมากกว่า 5 ตัน
– แบบคานเดี่ยว (Single Girder) นิยมในโรงงานทั่วไปที่ต้องการเครนที่ประหยัดพื้นที่ ติดตั้งง่าย และรองรับน้ำหนักไม่เกิน 12.5 ตัน
เครนเหนือศีรษะ แบบคานคู่
คานคู่จะเหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดที่ต้องใช้การยกเคลื่อนย้ายวัตถุที่มีน้ำหนักมากกว่า 5 ตัน ไปจนถึง 50 ตัน โดยเครนโรงงานแบบคานคู่จะเหมาะกับโรงงานที่มีขนาดใหญ่ และตัวโรงงานจำเป็นต้องมีความกว้างตั้งแต่ 10 เมตร ไปจนถึง 30 เมตร โดยลักษณะการทำงานเครนแบบคานคู่ ออกแบบและติดตั้งจะคล้ายกับแบบคานเดี่ยวต่างกันตรงคานกลางจะเป็นแบบคู่ ทำให้เครนเหนือศรีษะแบบคานคู่จะสามารถยกน้ำหนักได้ดีกว่าแบบคานเดี่ยว ปลอดภัยต่อการใช้งานเมื่อยกวัสดุที่มีน้ำหนักมาก โดยบางโรงงานอุตสาหกรรมอาจเลือกใช้เป็นเครนโรงงาน 5 ตัน หรือเครนโรงงาน 10 ตัน เป็นต้น
เครนเหนือศีรษะ แบบคานเดี่ยว
เป็นเครนไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโรงงานอุตสาหกรรม มักใช้กันโรงงานที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ความกว้างของโรงงานไม่เกิน 22 เมตร โครงสร้างโรงงานที่เหมาะสมกับการติดตั้ง ควรถูกออกแบบให้พื้นที่ภายในโล่งตลอด ไม่มีเสาเกะกะและโครงสร้างควรมีเสาขนาดใหญ่โดยรอบ เพื่อให้สามารถรับน้่าหนักคานเหล็กและทางวิ่งของเครน ที่จะยึดกับส่วนบนของโรงงานได้ เครนเหนือศีรษะแบบคานเดี่ยวจะเหมาะกับการใช้ยกของที่ไม่หนักมาก โดยมาตรฐานแล้วจะอยู่ที่ 1 ตัน ไปจนถึง 12.5 ตัน การทำงานของเครนจะมี 2 จังหวะ คือจังหวะช้ากับจังหวะเร็ว
4.Gantry Crane
เหมาะสำหรับงานกลางแจ้ง เช่น ลานเก็บสินค้า หรือโรงงานที่ไม่มีโครงสร้างอาคารรองรับเครนเหนือศีรษะ เครนขาเคลื่อนที่บนรางพื้น มีทั้งแบบคานเดี่ยวและคานคู่ เหมาะกับงานก่อสร้าง งานท่าเรือ หรือสถานที่ที่ต้องเคลื่อนย้ายสินค้าหนักนอกอาคาร
การเลือกใช้เครนให้เหมาะกับงานGantry Crane
การเลือกใช้เครนในโรงงานขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า น้ำหนักในการยก และพื้นที่ติดตั้ง เครนแต่ละประเภทถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์งานเฉพาะด้าน เช่น เครนแขนหมุนใช้ในจุดโหลดสินค้า เครนเหนือศีรษะใช้ในโรงงานผลิตขนาดใหญ่ ส่วนเครนขาเหมาะกับพื้นที่ภายนอกที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง
นอกจากนี้ การเลือกประเภทของเครนยกของหรือเคลื่อนย้ายสินค้าเพื่อการใช้งานนั้น บางชนิดสามารถทำงานได้หลายอย่าง บางชนิดก็ทำงานได้อย่างเดียว และอาจต้องใช้คู่กับเครื่องจักรอื่นๆ เช่น รอก หรือ ลิฟท์บรรทุกสินค้า จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ประเภท ลักษณะต่างๆ ของเครน เพื่อที่จะสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานประเภทต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้กับงานนั้นๆ ด้วย
บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเครนยกของหรือเครนเคลื่อนย้ายสินค้าในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งทีมงาน “ย่งฮ่ง yonghong” ยินดีให้บริการหากสนใจสินค้าเรามีจำหน่าย “ยงฮ่ง” ยินดีรับใช้
เครนมีกี่ประเภท ใช้งานกับอะไรได้บ้าง?
ในการเคลื่อนย้ายสินค้านั้นหรือก่อสร้างที่ต้องยกสินค้าหนักๆนั้นก็ต้องนึกถึง “เครน” Crane แน่นอนว่าหลายๆคนคงจะเคยได้ยินหรือเคยเห็นกันมาแล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่า เครนที่เราเห็นอย่างคุ้นตานั้น มันมีอยู่กี่ประเภท แล้วแต่ละประเภทใช้งานในลักษณะอะไร เลือกใช้เครนอย่างไรให้เหมาะสมกับประเภทของงาน
เครน Crane คือเครื่องจักรที่ใช้สำหรับในการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือเรียกว่าการยกสินค้า ขึ้นลงเป็นแนวดิ่ง เคลื่อนที่ไปมาโดยรอบ หรือตามทิศทางที่ได้กำหนดไว้
โดยการออกแบบเครนนั้น จะใช้คานตรงกลางของเครนเป็นที่รับน้ำหนัก ในการยกสินค้า ที่มีการออกแบบมาให้แข็งแรง และมีความปลอดภัยสูงต่อการใช้งาน
โดยปกติแล้วมักจะใช้งานตาม โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ หรือขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมจะใช้ในรูปแบบของเครน เป็นตัวแบ่งประเภทของเครน ตามลักษณะของเครนที่ได้รับน้ำหนักซึ่งประเภทของเครน ถูกแบ่งได้ดังนี้
1.Monorail (โมโนเรล)
ใช้สำหรับเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีการเคลื่อนที่ 4 ทิศทาง คือ ขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา ซึ่งสามารถทำได้ทั้งรางตรงและรางโค้ง เป็นเครนรางเดี่ยวชนิดหนึ่ง ตัวรางจะ Fix อยู่กับรอก (HOIST) การออกแบบโครงสร้าง ต้องคำนึงถึงการรับแรงในแนวนอน เนื่องจากการเคลื่อนที่ของรอก เป็นแรงที่ทำให้เกิดการสั่นและการเสริมค้ำยัน จะช่วยลดการสั่นได้เป็นอย่างดี
เครนรูปแบบนี้เป็นแบบติดตั้งเคลื่อนที่ตามรางวิ่ง ที่ติดตั้งตามสภาพโครงสร้างของกระบวนการผลิต ตัวรางสามารถออกแบบเป็นเส้นตรงหรือคดโค้งตามสภาพของพื้นที่ที่ต้องการทำงานได้เหมาะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานที่ต้องการใช้เครนเพื่อให้ผ่านแค่บางพื้นที่
เครนสามารถหยุดในแต่ละสถานที่ได้และรางเลื่อนไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับใช้ในงานยกวัตถุที่
มีน้ำหนักประมาณ 500-3,000 กิโลกรัม (0.5-3 ตัน)
Monorail (โมโนเรล)
เครนเหนือศีรษะ แบบคานคู่
คานคู่จะเหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดที่ต้องใช้การยกเคลื่อนย้ายวัตถุที่มีน้ำหนักมากกว่า 5 ตัน ไปจนถึง 50 ตัน โดยเครนโรงงานแบบคานคู่จะเหมาะกับโรงงานที่มีขนาดใหญ่ และตัวโรงงานจำเป็นต้องมีความกว้างตั้งแต่ 10 เมตร ไปจนถึง 30 เมตร โดยลักษณะการทำงานเครนแบบคานคู่ ออกแบบและติดตั้งจะคล้ายกับแบบคานเดี่ยวต่างกันตรงคานกลางจะเป็นแบบคู่ ทำให้เครนเหนือศรีษะแบบคานคู่จะสามารถยกน้ำหนักได้ดีกว่าแบบคานเดี่ยว ปลอดภัยต่อการใช้งานเมื่อยกวัสดุที่มีน้ำหนักมาก โดยบางโรงงานอุตสาหกรรมอาจเลือกใช้เป็นเครนโรงงาน 5 ตัน หรือเครนโรงงาน 10 ตัน เป็นต้น
เครนเหนือศีรษะ แบบคานเดี่ยว
เป็นเครนไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโรงงานอุตสาหกรรม มักใช้กันโรงงานที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ความกว้างของโรงงานไม่เกิน 22 เมตร โครงสร้างโรงงานที่เหมาะสมกับการติดตั้ง ควรถูกออกแบบให้พื้นที่ภายในโล่งตลอด ไม่มีเสาเกะกะและโครงสร้างควรมีเสาขนาดใหญ่โดยรอบ เพื่อให้สามารถรับน้่าหนักคานเหล็กและทางวิ่งของเครน ที่จะยึดกับส่วนบนของโรงงานได้ เครนเหนือศีรษะแบบคานเดี่ยวจะเหมาะกับการใช้ยกของที่ไม่หนักมาก โดยมาตรฐานแล้วจะอยู่ที่ 1 ตัน ไปจนถึง 12.5 ตัน การทำงานของเครนจะมี 2 จังหวะ คือจังหวะช้ากับจังหวะเร็ว
4.Gantry Crane
เครนขา เป็นลักษณะชนิดหนึ่งของเครนที่มีการเคลื่อนที่ 6 ทิศทาง แต่จะมีขาสำหรับวิ่งบนพื้น เหมาะสำหรับใช้งานภาคสนามหรืองานกลางแจ้งที่ไม่มีโครงสร้างของตัวอาคาร มีทั้งแบบที่เป็นรางเดี่ยวและรางคู่ เหมาะสำหรับโรงงานที่ไม่ได้เตรียมโครงสร้างเสาไว้เพื่อรับเครนเหนือศีรษะ ซึ่งมีความจำเป็นต้องติดตั้งเครนขา
นอกจากนี้ การเลือกประเภทของเครนยกของหรือเคลื่อนย้ายสินค้าเพื่อการใช้งานนั้น บางชนิดสามารถทำงานได้หลายอย่าง บางชนิดก็ทำงานได้อย่างเดียว และอาจต้องใช้คู่กับเครื่องจักรอื่นๆ เช่น รอก หรือ ลิฟท์บรรทุกสินค้า จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ประเภท ลักษณะต่างๆ ของเครน เพื่อที่จะสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานประเภทต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้กับงานนั้นๆ ด้วย
บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเครนยกของหรือเครนเคลื่อนย้ายสินค้าในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งทีมงาน “ย่งฮ่ง yonghong” ยินดีให้บริการหากสนใจสินค้าเรามีจำหน่าย “ยงฮ่ง” ยินดีรับใช้





